อาการของข้ออักเสบ ที่เกิดจากโรครูมาตอย ผู้ป่วยจปวดบวมตามข้อเล็กๆ
เช่น ข้อนิ้วมือ ฝ่ามือ ข้อนิ้วเท้า และ ฝ่าเท้า แต่จะไม่พบว่ามีอาการอักเสบที่ข้อปลายนิ้วมือ
และ ข้อกระดูกสันหลังส่วนเอว เมื่อพักการใช้งานข้อนานๆ
จะพบว่า หลังตื่นนอนจะมีอาการข้อยึดและขยับไม่ได้ มีอาการข้อบวม และปวด
ที่เกิดจากข้อกระดูกมีน้ำมาก เยื่อบุข้อหนาตัว เมื่ออาการอักเสบลักษณะนี้
เกินนานๆจะส่งผลต่อกระดูกอ่อนของข้อถูกทำลาย กระดูกรอบข้อจะบางลง
และเกิดพังผืดขึ้นมาแทน ส่งผลทำให้กล้ามเนื้อทำงานไม่ปกติ
ลักษณะการผิดรูปร่างของข้อที่พบ มีหลายลักษณะแตกต่างกันตามจุดที่เกิด มีรายละเอียดดังนี้
- หากเกิดที่ข้อนิ้วมือและข้อมือ จะมีการผิดรูป 3 แบบ คือ
แบบรูปร่างคล้ายตัวหนังสือ Z เรียก Z deformity
แบบคอห่าน เรียก Swan neck deformity และ
แบบข้อนิ้วมือส่วนต้นงอเข้าหาฝ่ามือ เรียก Boutonniere deformity
- การเกิดที่ข้อมือ จะทำให้ข้อมือขยับไม่ได้ และพังผืดจะเกิดรอบๆข้อ
และไปกดทับเส้นประสาทส่วนปลาย ทำให้ปวดและชาที่ มือและกล้ามเนื้อมือ
- การเกิดที่ข้อเท้า และ ข้อนิ้วเท้า ทำให้พิการถึงขั้นเดินไม่ได้
- การเกิดที่ข้อศอก จะทำให้ข้อศอกหด และ งอ ทำให้ยืดข้อศอกไม่ได้
- การเกิดที่ข้อเข่า จะทำให้เข่าหดงอ ส่งผลกระทบต่อการเดิน
- การเกิดทั้ข้อกระดูกสันหลังส่วนคอ อาจส่งผลให้กระดูกเลื่อนหลุด
และไปกดเส้นประสาทส่วนปลาย ทำให้เกิดอาการปวด
และชา แขนอ่อนแรง เป็นอัมพาตได้
การรักษาโรครูมาตอยด์
ใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ ซึ่งมีทั้งชนิดกินและฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อ ข้อกระดูก
แต่วิธีนี้จะใช้เมื่ออักเสบอย่างรุนแรงเท่านั้น และต้องใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ
เพราะจะมีผลข้างเคียง เช่น เร่งกระดูกพรุน ไตวาย และติดเชื้อง่าย
และถ้าหยุดใช้ยาอาการก็จะกลับมา
ทำกายภาพบำบัด โดยวิธีการ ประคบร้อน แช่น้ำอุ่น ในบางกรณีแนะนำให้
ใส่เฝือกชั่วคราว เพื่อป้องกันข้อกระดูกติด ผิดรูป การทำกายภาพบำบัดสำหรับโรครูมาตอยด์
แนะนำให้ผู้ป่วยขยับตัวให้มาก เพื่อป้องกันข้อแข็งและผิดรูป
การออกกำลังกายในส่วน มือ นิ้ว และแขน ก็ช่วยได้
ใช้ยาแก้อักเสบ วิธีนี้ใช้สำหรับกรณีที่ผู้ป่วยยังมีอาการไม่รุ่นแรง
ยาแก้อักเสบจะช่วยลดอาการปวดและบวมได้ดี ใช้ยายับยั้งข้ออักเสบรูมาตอยด์ที่ออกฤทธิ์ช้า
วิธีนี้ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะ ยาชนิดนี้ ค่อนค้างอันตราย
ฝ่าตัด จะทำการเลาะเยื่อบุข้อที่การอักเสบออกและผ่าตัดซ่อมแซม เชื่อมข้อติดกัน
ผ่าตัดกระดูกปรับแนวข้อกระดูกให้ตรง หรือใส่ข้อเทียม แต่การผ่าตัดนั้นเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ
เพื่อบรรเทาอาการของโรครูมาตอยด์ เท่านั้น
การดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยโรคข้อรูมาตอยด์
ต้องเข้ารับการรักษากับแพทย์เฉพาะทาง และพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ควรซื้อยากินเอง และ ควรปฏิบัตตนตามนี้
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
ทำให้การเคลื่อนไหวของข้อได้ดี ช่วยลดความปวด และ อาการอ่อนเพลีย
- ไม่ควรนั่งหรือยืน ในท่าทางที่ไม่เกิดการเคลื่อนไหวเป็นเวลานานๆ
เนื่องจากจะทำให้ข้อแข็ง ขาดความยืดหยุ่น แต่ไม่ควรฝืนเมื่อข้ออาการบวมและปวดอยู่
-หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดการกระแทกที่ข้อกระดูก
เช่น การยกของหนัก การกระโดดสูงๆ การทำงานที่ใช้ข้อกระดูกมากๆ
-ควรลดน้ำหนักตัว เพิ่อแบ่งเบาภาระการทำงานของข้อกระดูก
-รับประทานอาหาที่มีประโยชน์ต่อข้อและกระดูก เข่า
อาหารที่มีแคลเซียม วิตามินดี และ วิตามินซี เพื่อการบำรุงเนื้อเยื่อและกระดูก เป็นต้น
อาหารที่ควรรับประทานสำหรับอาหารของผู้ป่วยเป็นรูมาตอยด์
คือ ข้าวกล้อง ผลไม้ที่ผ่านความร้อน หรือทำแห้ง ผักสีเขียว เหลือง และส้ม
ที่ผ่านความร้อน น้ำ เกลือปริมาณปานกลาง น้ำเชื่อมเมเปิ้ล และสารสกัดวานิลา
สนใจสั่งซื้อ โทร / ไลน์ / อีเมลล์
ผลลัพท์ขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของแต่ละบุคคล